วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

แจง”ตลาดสุรนารี” โคราช ไม่มีผู้มีอิทธิพล ไม่มีมาเฟีย มือดีโพสฯขายทอดตลาดที่ดิน 37 ไร่มูลค่า 266 ล้านบาท ทนายความยืนยันไม่มี เผยยุติมหากาพย์ยาวนาน ลั่นตัด 1 ใน 9 ทายาทออกจากกองมรดก

แจง”ตลาดสุรนารี” โคราช ไม่มีผู้มีอิทธิพล ไม่มีมาเฟีย มือดีโพสฯขายทอดตลาดที่ดิน 37 ไร่มูลค่า 266 ล้านบาท ทนายความยืนยันไม่มี เผยยุติมหากาพย์ยาวนาน ลั่นตัด 1 ใน 9 ทายาทออกจากกองมรดก 

วันนี้( 26 ตุลาคม 2565 ) ที่ห้องประชุมสำนักงานตลาดสุรนารี หรือสุรนครเมืองใหม่ ตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงข้ามสถานีขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา  นายพิชญ์ สนธิ ที่ปรึกษากฎหมายและบริหาร บริษัท ตลาดสุรนารี จำกัด พร้อมด้วย นายสุขเกษม สิงหกลางพล ในฐานะทนายความของผู้จัดการมรดก กองมรดกของเจ้าของตลาด , นายยุทธการ ถนอมบุญ ทนายความ และทีมผู้บริหารตลาด ร่วมกันแถลงกระแสข่าวการขายทอดที่ดินที่ตั้งตลาดสุรนครเมืองใหม่ การพัฒนาและการดำเนินกิจการตลาดสด ตลาดค้าส่งใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบรรดาพ่อค้า แม่ค้า รายย่อย รายใหญ่ แผงผักสด ผลไม้ ว่าจากการที่มีผู้ลงโพสฯ ในสื่อโซเชียวฯเกี่ยวกับเรื่องการขายทอดตลาดแห่งนี้ และมีการนำหมายบังคับคดีแล้วประกอบรูปภาพประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการขายทอดตลาดที่ดินที่เป็นที่ตั้งของตลาดสุรนครหรือตลาดสุรนารีเมืองใหม่เป็นส่วนใหญ่ ในฐานะทนายความขอชี้แจงเรื่องการขายทอดที่ดินของตลาดไม่มีแล้ว 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากประเด็นความขัดแย้งเพื่อแย่งชิงตลาดสุรนครเมืองใหม่ ตลาดค้าส่งที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดนครราชสีมา ได้มาถึงจุดสิ้นสุดลงเมื่อมีคำพิพากษาฎีกาที่ 1382/2565 อ่าน ณ ศาลจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 พิพากษายืนคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ให้ขับไล่ บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด จำเลยคดี หมายแดงที่ 418/2540 ศาลจังหวัดนครราชสีมา ออกจากพื้นที่ที่ดินกรรมสิทธิ์ของกองมรดกนายสนิท กับนางประกอบ สุวรรณชาติ เจ้าของที่ดิน พร้อมส่งมอบทรัพย์สินอันตกติดกับที่ดินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุ้มบุญธุรกิจ ผู้เช่า ทั้งยังต้องชำระค่าเสียหายชดใช้คำนวณตามคำพิพากษาจนถึงปัจจุบันกว่า 600 ล้านบาท แก่โจทก์ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุ้มบุญธุรกิจ ซึ่งไม่เคยได้ค่าเช่า และสิ่งปลูกสร้าง ตามสัญญาระหว่างกันเลย ยุติความเป็นธรรมที่ทวงถามต่อระบบความยุติธรรมไทยมาเป็นเวลานับเกือบ 30 ปี 

และต่อประเด็นความขัดแย้งใหม่ระหว่าง นายสุนทร แพงไพรี กับ นายปรีชา สุวรรณชาตินั้น เนื่องจากที่ดินกรรมสิทธิ์ตลาดสุรนครเมืองใหม่เป็นที่ดิน ทรัพย์กองมรดกของนายสนิท กับนางประกอบ สุวรรณชาติ บิดา มารดาผู้ล่วงลับของทายาท ผู้มีสิทธิรับมรดกทั้ง 9 คน นายปรีชา สุวรรณชาติ มีส่วนแบ่งในกองมรดกเพียงในกองมรดกของบิดา นายสนิท สุวรรณชาติ 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น ในฐานะทายาทโดยธรรม ซึ่งได้จัดสรรแบ่งปันแล้วจำนวน 4 ไร่ 3 งานเศษ โดยระบุแบ่งแยกเป็นแปลง ที่ดินที่จะได้รับมรดกไปแล้วจำนวน 3 แปลง ซึ่งได้ตั้งอยู่ในบริเวณตลาด เจ้าหนี้จะใช้สิทธิใดก็ไปว่ากล่าวกันเองไม่เกี่ยวข้องกับพี่น้องทั้ง 8 คน ในมรดกส่วนของแต่ละคน การบังคับคดีไม่สามารถบังคับกับบุคคลนอกคดีที่ไม่เกี่ยวข้องในหนี้ได้ ทั้งยังเป็นเรื่องที่นายปรีชา สุวรรณชาติ ยังคงต่อสู้คดีอยู่ในชั้นฎีกา ยังไม่มีผลแห่คำพิพากษา 

ส่วนประเด็นการฟ้องร้องเป็นคดีระหว่างกัน ระหว่างนายสุนทร แพงไพรี กับ บริษัท โคราชอาสา จำกัด ตัวแทนนายสุนทร แพงไพรีนั้น เนื่องจากกลุ่มทายาท ผู้มีสิทธิรับมรดกทั้ง 6 คน มิได้เป็นคู่ขัดแย้งใดๆ กับนายสุนทร แพงไพรีมาก่อน หากแต่เป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันกับนายปรีชา สุวรรณชาติ 9 ใน 10 ส่วน ของทรัพย์มรดกที่ดินตลาดสุรนครเมืองใหม่ กองมรดกนายสนิท สุวรรณชาติ บิดาผู้ล่วงลับ ทั้งเป็นผู้จัดการมรดกทั้งสองกองดังกล่าว จึงถูกดึงเข้ามาเป็น คู่กรณี เพื่อกดดันให้ส่งมอบที่ดินในส่วนของแต่ละคนให้ จึงปรากฏความไม่เป็นธรรม ถูกกลุ่มบุคคลฟ้องทั้งอาญา และคดีแพ่ง ที่ไม่เป็นความจริงมาตลอด จนต้องต่อสู้ขอความเป็นธรรมต่อกระบวนการยุติธรรม

นายสุขเกษม สิงหกลางพล ทนายความ ในฐานะทนายความของผู้จัดการมรดก กองมรดกของเจ้าของที่ดินตลาด กล่าวว่า ในส่วนกิจการของพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอยู่ในตลาด ตราบใดที่ผู้บริหารตลาดยังคงดำเนินการอยู่ก็ยังคงเหมือนเดิม การค้าขายทำมาหากินเป็นไปอย่างปรกติประจำวัน ในส่วนเรื่องที่กฎหมายและทางคดีที่ยังมีปัญหา วันนี้ ในฐานะตัวแทนของเจ้าของที่ดิน ซึ่งเจ้าของที่ดินที่ตลาดแห่งนี้คือ ทายาทของนายสนิท และ นางประกอบ สุวรรณชาติ ซึ่งประกอบด้วยพี่น้องจำนวน 9 คน ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากทายาทเพียง 1 คนที่มีสิทธิ์มีส่วนแค่ 1 ส่วนเท่านั้น ถ้าหาญเฉลี่ยที่ดินทางนายปรีชา สุวรรณชาติ มีสิทธิ์ได้รับไม่เกิน 5 ไร่จากทั้งหมด 37 ไร่มูลค่า 266 ล้านบาท ฉะนั้น การแบ่งมรดกในนายสนิทฯ ที่นายปรีชาฯมีสิทธิ์ได้รับได้เสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปนี้ถ้าเจ้าหนี้เขามีสิทธิ์ที่จะยึดหรือดำเนินการอย่างไรก็ยึดได้ในส่วนของนายปรีชาฯเท่านั้น

“การที่เราออกมาวันนี้ 1.อยากเรียกร้องความเป็นธรรม และนำความจริงให้ปรากฏเกี่ยวกับเรื่องการยึดทรัพย์ บังคับคดีของผู้ที่กล่าวอ้าง ซึ่งเป็นการบดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก 2.สิ่งที่เราถูกกระทำจากการที่ถูกแจ้งความในการดำเนินคดีเรื่องข้อหาปล้น ไม่ว่าจะเป็นปล้นไม้ไผ่ ปล้นไม้โกเต็ง เราไม่เข้าใจว่าจะปล้นไปเพื่ออะไร ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ไม้ไผ่ต้นเดียว รวมทั้ง ตู้หรือป้อม รปภ. และแอร์ เราพร้อมที่จะต่อสู้ตามกฎหมาย”นายสุขเกษม กล่าวและย้ำว่า

“พ่อค้า แม่ค้า ในตลาดเรายังคงค้าขายได้ตามปกติเหมือนเดิม ส่วนพี่น้องประชาชน พ่อบ้าน แม่บ้าน ผู้ค้าขายอาหารก็มาจับจ่ายซื้อสินตค้าได้ตามปกติ ยืนยันที่นี่ไม่มีผู้มีอิทธิพล ไม่มีมาเฟีย มีแต่พ่อค้า แม่ค้า เกษตรกร ที่มาค้าขายในตลาดแห่งนี้ มีแต่ถูกเขากลั่นแกล้ง ส่วนการพัฒนาตลาดที่นี่พี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้าทุกคนมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน ปัจจุบันผู้บริหารพยายามแก้ไขในสิ่งที่บกพร่อง และทางเจ้าพนักงานท้องถิ่นก็มีการแนะนำและเราก็ได้มีการปรับปรุงไปในหลายๆ ส่วนแล้ว อาทิ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดจอดรถ การจัดโซนสิ้นค้า พืชผักสด พืชผลเกษตร ผลไม้ อาหารสด อาหารทะเล เป็นต้น และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพ่อค้า แม่ค้า และพี่น้องประชาชนที่มาใช้บริการ”นายสุขเกษม กล่าว








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น